การประการสรรหาและคัดเลือกบุคลากรขององค์การบริหารส่วนตำบลสร้อยพร้าว เป็นอำนาจของ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลบ้านต้อง ตามมาตรา 15 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารงานบุคคลส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2542 ลงวันที่ 18 พฤศจิกายน 2542 และประกาศคณะกรรมการพนักงานส่วนตำบลจังหวัดอุดรธานี เรื่อง หลักเกณฑ์และเงื่อนไขเกี่ยวกับพนักงานจ้าง พ.ศ. 2547 ลงวันที่ 25 มิถุนายน 2547 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ดังนี้
ข้อ ๑ ในหลักเกณฑ์และเงื่อนไขนี้
“พนักงานจ้าง” หมายความว่า ลูกจ้างขอองค์การบริหารส่วนตำบล ตามพระราชบัญญัติระเบียบบริหารงานบุคคลส่วนท้องถิ่น พ.ศ. ๒542 โดยเป็นบุคคลซึ่งไต้รับการจ้างตามสัญญาจ้าง ตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขนี้ โดยได้รับค่าตอบแทนจากบประมาณขององค์การบริหารส่วนตำบล เพื่อปฏิบัติงานให้กับองค์การบริหารส่วนตำบลนั้น
“สัญญาจ้าง” หมายความว่า สัญญาจ้างพนักงานจ้างตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไซนี้
“พนักงานจ้างตามภารกิจ” หมายความถึง พนักงานจ้างที่มีลักษณะงานเป็นการส่งเสริมหรือสนับสนุนการทำงานของพนักงานส่วนตำบล หรืองานที่ใช้ทักษะเฉพาะบุคคล
“พนักงานจ้างผู้เชี่ยวชาญพิเศษ”หมายความถึง พนักงานจ้างที่มีลักษณะงานเป็นที่ปรึกษาโดยเป็นผู้ที่มีความเชียวชาญเป็นพิเศษ หรือความชำนาญพิเศษ หรือวิชาชีพเฉพาะพิเศษเฉพาะต้านอันเป็นที่ยอมรับในวงการวิชาการหรือในงานที่เกี่ยวข้องกับภารกิจขององค์การบริหารส่วนตำบลด้านนั้น ๆ
“พนักงานจ้างทั่วไป” หมายความว่า พนักงานจ้างที่มีลักษณะงานเป็นการใช้แรงงานทั่วไปซึ่งไม่ต้องใช้ความรู้หรือทักษะเฉพาะค้นในการปฏิบัติงาน และมีระยะเวลาการจ้างในช่วงสั้น ๆ ไม่เกิน ๑ ปี
“ค่าตอบแทน” หมายความว่าเงินเดือนซึ่งจ่ายให้แก่พนักงานจ้างในการปฏิบัติงานให้แก่องค์การบริหารส่วนตำบล ตามอัตราที่กำหนดในหลักเกณฑ์และเงื่อนไขนี้
“ค่าตอบแทนพิเศษ” หมายความว่า เงินที่จ่ายเพิ่มให้กับพนักงานจ้าง เมื่อมีผลการประเมินการปฏิบัติงาน คุณภาพงาน และปริมาณงานในระดับดีเด่น
“การสรรหา” หมายความว่า การประกาศรับสมัครบุคคลที่มีความรู้ ความสามารถ และคุณสมบัติอื่น ๆที่จำเป็นต่อการปฏิบัติงานในตำแหน่งองค์กรบริหารส่วนตำบล กำหนดจำนวนหนึ่ง เพื่อทำการเลือกสรร
“การเลือกสรร” หมายความว่า การพิจารณาบุคคลที่ได้ทำการสรรหาทั้งหมด และทำการคัดเลือกเพื่อให้ได้บุคคลที่เหมาะสมที่สุด
ข้อ ๒ บรรดากฎหมาย กฎ ระเบียบ ประกาศ ข้อบังคับ คำสั่ง มติคณะรัฐมนตรีตามมาตรฐานทั่วไป หลักเกณฑ์หรือมติคณะกรรมการกลางพนักงานส่วนตำบลที่กำหนดให้พนักงานส่วนตำบลหรือลูกจ้างขององค์การบริหารส่วนตำบล มีหน้าที่ต้องปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหรือเป็นข้อห้ามในเรืองใดให้ถือว่าพนักงานจ้างมีหน้าที่ต้องปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหรือต้องห้ามเช่นเดียวกับพนักงานส่วนตำบลหรือลูกจ้างองค์การบริหารส่วนตำบลด้วย ทั้งนี้ เว้นแต่เรื่องได้กำหนดไว้แล้วโดยเฉพาะในหลักเกณฑ์และเงื่อนไขนี้หรือตามเงื่อนไขของสัญญาจ้างหรือเป็นกรณีคณะกรรมกรกลางพนักงานส่วนตำบล ประกาศกำหนดให้หนักงานจ้างประเภทใดหรือตำแหน่งในลักษณะงานใดได้รับยกเว้นไม่ต้องปฏิบัติเช่นเดียวกับพนักงานส่วนตำบล หรือลูกจ้างขงองค์การบริหารส่วนตำบลในบางเรื่อง เพื่อให้เหมาะสมกับสภาพการปฏิบัติงานของพนักงานจ้าง
หมวด 1
พนักงานจ้าง
ข้อ ๓ พนักงานจ้างมีสามประเภท ดังต่อไปนี้
(๑) หนักงานจ้างตามภารกิจ
(๒) หนักงานจ้างผู้เชี่ยวชาญพิเศษ
(๓) พนักงานจ้างทั่วไป
ตำแหน่งพนักงานจ้างลักษณะงานใดจะมีชื่อตามลักษณะงานนั้น กรณีที่มีลักษณะงานสนับสนุนหรือส่งเสริมการทำงานของพนักงานส่วนตำบลตำแหน่งใด จะมีชื่อผู้ช่วยหนักงานส่วนตำบลในตำแหน่งงานนั้น
ข้อ ๔ ผู้ซึ่งจะไต้รับการจ้างเป็นพนักงานจ้าง ต้องมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามดังต่อไปนี้
(๑) มีสัญชาติไทย
(๒) มีอายุไม่ต่ำกว่าสิบแปดปี และไม่เกิน ๖๐ ปี เว้นแต่พนักงานจ้างผู้เชี่ยวชาญพิเศษ อายุไม่เกิน ๗๐ ปี
(3) ไม่เป็นบุคคลล้มละลาย
(4) ไม่เป็นผู้มีกายทุพพลภาพจนไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ ไร้ความสามารถ หรือจิตฟั่นเฟือนไม่สมประกอบ หรือเป็นโรคตามที่กำหนดไว้ในประกาศกำหนดโรคที่เป็นลักษณะต้องห้ามเบื้องต้น สำหรับพนักงานส่วนตำบล
๕) ไม่เป็นผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง กรรมการพรรคกรเมือง หรือเจ้าหน้าที่ในพรรคการเมือง
(๖) ไม่เป็นผู้ดำรงตำแหนผู้บริหารท้องถิ่น คณะผู้บริหารท้องถิ่น สมาชิกสภาท้องถิ่น
(๗) ไม่เป็นผู้เคยต้องรับโทษจำคุกโดยคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก เพราะกระทำความผิดทางอาญา เว้นแต่เป็นโทษสำหรับความผิดที่กระทำโดยประมาทหรือความผิดลหุโทษ
(๘) ไม่เป็นผู้เคยถูกลงโทษให้ออก ปลดออกหรือไล่ออกจากราการ รัฐวิสาหกิจ หรือหน่วยงานอื่นของรัฐ
หมวด 4
การสรรหา และการเลือกสรร
ข้อ 1๘ ให้องค์การบริหารส่วนตำบลดำเนินการสรหา และเลือกสรรบุคคลเพื่อเป็นพนักงานโดยยึดหลักสมรรถนะ ความเท่าเทียมในโอกาส และประโยชน์ของทางราชการเป็นสำคัญด้วยกระบวนการที่ได้มาตรฐานยุติธรรม และโปร่งใส เพื่อรองรับการตรวจสอบตามแนวทาการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี
ข้อ 19 การสรรหาและเลือกสรรพนักงานจ้างตามภารกิจ และพนักงานจ้างทั่วไปเมื่อคณะกรรมการพนักงานส่วนตำบลเห็นขอบให้กำหนดตำแหน่งใดแล้ว ให้ดำเนินตามหลักเกณฑ์และวิธีการ ดังนี้
(๑) ให้องค์การบริหารส่วนตำบลจัดทำประกาศรับสมัคร ซึ่งมีรายละเอียดเกี่ยวกับประเภทของพนักงานจ้าง ลักษณะงาน ชื่อตำแหน่ง ความรับผิดซองของตำแหน่ง ระยะเวลาการจ้าง ค่าตอบแหนที่จะได้รับ คุณสมบัติของผู้มีสิทธิสมัคร หลักเกณฑ์และวิธีการสรรหาและเลือกสรรหา เกณฑ์การตัดสินและเงื่อนไขการจ้างอื่น ๆ ตลอดจนกำหนดวันและเวลาของกิจกรรมต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อประกาศให้ผู้มีสิทธิสมัครทราบ
ประกาศรับสมัครนั้น ให้ปิดไว้ในที่เปิดเผยเป็นการทั่วไป มีระยะลาไม่น้อยกว่า ๕ วันทำการก่อนกำหนดวันรับสมัคร
(๒) องค์การบริหารส่วนตำบลอาจกำหนดให้ผู้สมัครเสียค่าธรรมเนียมการสมัคร ตำแหน่งละไม่เกิน ๑๐๐ บาท ได้ตามความจำเป็นและเหมาะสม
(๓) องค์กรบริหารส่วนตำบลอาจกำหนดระยะเวลาในการรับสมัครได้ตามความเหมาะสมแต่ทั้งนี้ต้องไม่น้อยกว่า 7 วันทำการ
(๔) หลักเกณฑ์การเลือกสรรหาบุคคลเพื่อปฏิบัติงานให้ยึดหลัก “สมรรถนะ” ที่จำเป็นต้องใช้สำหรับการปฏิบัติงานในตำแหน่งตามที่องค์การบริหารส่วนตำบลกำหนด ซึ่งประกอบด้วย
(ก) ความรู้ของบุคคลในเรื่องต่าง ๆ ที่จำเป็นต่อการปฏิบัติงาน
(ข) ความสามารถหรือทักษะเฉพาะของบุคคลในเรื่องต่าง ๆ ที่จำเป็นต่อการปฏิบัติงานและ
(ค) คุณลักษณะอื่น ๆ ของบุคดที่จำเป็นหรือเหมาะสมต่อการปฏิบัติงาน
(๕ ให้กำหนดคะแนนเต็มของสมรถนะแต่ละเรื่องได้ตามความจำเป็นและความสอดคล้องกับตำแหน่งงาน ทั้งนี้ สมรรถนะที่จำเป็นมากที่สุดควรมีน้ำหนักของคะแนนเต็มมากที่สุด
(6) วิธีการประเมินสมรรถนะแต่ละเรื่อง ให้องค์การบริหารสวนตำบลเป็นผู้กำหนดโดยสมรรถนะเรื่องหนึ่งสามารถระเมินได้ด้วยวิธีการประเมินหลายวิธีการหรือสมรรถนะหลาย ๆ เรื่องสามารถประเมินได้ด้วยวิธีการประเมินเดียวกัน ตามที่เห็นว่าเหมาะสมและสอดคล้องกับการประเมินสมรรถนะดังกล่าวได้แก่ การสอบข้อเขียน การทดสอบตัวอย่างงาน การสัมภาษณ์ การทดลองด้วยสถานการณ์จำลอง การตรวจสอบกับบุคคลอ้างอิง หรืออื่น ๆ
ทั้งนี้ ได้กำหนดแบบตัวอย่างการกำหนดและการประเมินสมรรถนะ ดังเอกสารที่แนบท้ายหลักเกณฑ์และเงือนไขนี้
(7) เกณฑ์การตัดสินสำหรับผู้ผ่านการประเมินสมรรถนะ ให้องค์กบริหารสวนตำบลกำหนดตามความเหมาะสม และสอดคล้องกับตำแหน่งงาน
(๘) ภายหลังการประกาศรับสมัครแล้ว ให้นายกองค์กรบริหารส่วนตำบลแต่งตั้งคณกรรมการดำเนินการสรรหาและเลือกสรร จำนวนไม่น้อยกว่า ๓ คน ประกอบด้วย
(ก) ปลัดองศ์การบริหารส่วนตำบลหรือผู้ที่ได้รับมอบหมาย เป็นประธาน
(ข) ผู้อำนวยการกองหรือหัวหน้าส่วนที่ได้รับผิดชอบงาน เป็นกรรมการ
หรือโครงการของตำแหน่งที่จะสรรหาหรือสรรหา
(ค) หัวหน้าสำนักปลัดหรือผู้ที่ไต้รับมอบหมาย เป็นกรรมการ/เลขานุการในการเลือกสรรตำแหน่งที่นายกองค์การบริหารส่วนตำบลเห็นสมควรให้มีผู้ทรงคุณวุฒิผู้มีประสบการณ์ในงานที่เกี่ยวข้องกับตำแหน่งนั้น ทั้งจากภายในหรือภายนอกองค์การบริหารส่วนตำบลเป็นคณะกรรมการ ให้นายกองค์การบริหารส่วนตำบลแต่งตั้งผู้ทรงคุณวุฒิหรือผู้มีประสบการณ์ที่เกี่ยวข้องตำแหน่งนั้นเป็นกรรมการด้วย
คณะกรรมการมีอำนาจหน้าที่ในการดำเนินการสรรหารและเลือกสรรตามหลักเกณฑ์และวิธีการตามที่กำหนดในประกาศรับสมัคร ภายใต้หลักเกณฑ์ตามข้อ ๑๘
ข้อ ๒๐ เมื่อคณะกรรมการได้ดำเนินการสรรหาและเลือกสรรพนักงานจ้างเสร็จสิ้นแล้วให้รายงานผลการดำเนินงานต่อนายกองค์การบริหารสนตำบล เพื่อประกาศบัญชีรายชื่อผู้ผ่านการคัดเลือกและดำเนินการจัดจ้าง โดยความเห็นชอบของคณะกรรมการพนักงานส่วนตำบลต่อไป
ให้องค์การบริหารส่วนตำบลประกาศบัญชีรายขื่อผู้ผ่านการเลือกสรร โดยกำหนดให้บัญชีอายุตามที่เห็นสมควร แต่ทั้งนี้ต้องไม่เกินกว่า ๑ ปี
ในกรณีที่มีผู้ผ่านการเลือกสรรมากกว่าจำนวนอัตราว่าง และภายหลังมีอัตราว่างในงานลักษณะเดียวกันหรือคล้ายคลึงกัน ซึ่งองค์การบริหารส่วนตำบลพิจารณาแล้วเห็นว่าสามารถใช้บุคคลที่มีสมรรถนะในเรื่องเดียวกันได้ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการพนักงานส่วนตำบล ก็อาจพิจารณาจัดจ้างผู้ผ่านการเลือกจากบัญชีรายชื่อผู้ผ่านการเลือกสรรที่ยังไม่หมดอายุก็ได้
ข้อ ๒1 การสรรหาและเลือกสรรพนักงานจ้างผู้เชี่ยวชาญพิเศษ เมื่อคณะกรรมการส่วนตำบลและคณะกรรมการกลางพนักงานส่วนตำบลเห็นชอบให้กำหนดตำแหน่งใดแล้ว ให้ดำเนินการตามหลักเกณฑ์และวิธีการ ดังนี้
(๑) ให้นายกองค์การบริหารส่วนตำบลและผู้รับผิดชอบงานหรือโครงการของตำแหน่งที่จะสรรหาหรือเลือกสรร กำหนดขอบข่ายงานของตำแหน่ง ชื่อตำแหน่ง คุณสมบัติของตำแหน่ง ระยะเวลาการจ้างค่าตอบแทนที่จะได้รับ และเงื่อนไขการจ้างอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องตามที่เห็นสมควร โดยให้จัดทำเป็นประกาศรับสมัครปิดไว้ในที่เปิดเผยเป็นการทั่วไป มีระยะเวลาไม่น้อยกว่า ๕ วันทำการ ก่อนกำหนดวันรับสมัคร
(๒) องค์การบริหารส่วนตำบลอาจกำหนดให้ผู้สมัครเสียค่าธรรมเนียมการสมัครตำแหน่งละไม่เกิน ๒๐๐ บาทได้
(๓) ระยะเวลาในการรับสมัครและหลักเกณฑ์การเลือกสรร ให้นำข้อ 19(3), (4). (5), (6) และ (๗) มาใช้โดยอนุโลม
(๔) ภายหลังประกาศรับสมัครแล้ว ให้นายกองค์การบริหารส่วนตำบลแต่งตั้งคณะกรรมการดำเนินการสรรหาและเลือกสรร จำนวนไม่น้อยกว่า ๕ คน ประกอบด้วย
(ก) นายกองค์การบริหารส่วนตำบลหรือรองนายกองค์กรบริหารส่วนตำบลที่นายกองค์การบริหารส่วนตำบลมอบหมาย เป็นประธาน
(ข) ผู้ทรงคุณวุฒิที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญในต้นที่เกี่ยวข้องกับตำแหน่งที่จะสรรหาและเลือกสรร จำนวนอย่างน้อยสองคน เป็นกรรมการ
(ค) ผู้อำนวยการกองหรือผู้อำนวยการที่รับผิดชอบงานหรือโครงการของตำแหน่งที่จะสรรหาและเลือกสรร เป็นกรรมการ
(ง) ปลัดองศ์การบริหารส่วนตำบล เป็นกรรมการและเลขานุการ
คณะกรรการ มีอำนาจหน้าที่ในการดำเนินการสรรหาและเลือกสรรตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กำหนดในประกาศรับสมัคร ภายให้หลักการตามข้อ ๑๘
ข้อ ๒๒ เมื่อองค์การบริหารส่วนตำบลได้ชื่อผู้ผ่านการเลือกสรรพนักงานจ้างผู้เชี่ยวชาญพิเศษแล้ว ให้นายกองค์กรบริหารส่วนตำบลดำเนินการจ้างโดยขอความเห็นชอบจากคณะกรรมการพนักงานส่วนตำบล
ให้องค์การบริหารส่วนตำบล ประกาศบัญชีรายชื่อผู้ผ่านการเลือกสรร โดยกำหนดให้บัญชีมีอายุตามที่เห็นสมควร แต่ทั้งนี้ต้องไม่เกิน ๖๐ วัน
ข้อ ๒๓ ผู้ได้รับการสรรหาและเลือกสรรให้เป็นพนักงานจ้างจะต้องทำสัญญาจ้างตามแบบที่กำหนดแนบท้ายมาตรฐานทั่วไปนี้